ขึ้นฉ่ายฝรั่ง หรือ เซเลอรี่ (Celery)

บำรุงกระดูก, ความดันโลหิต, แก้ท้องผูก, goodbody4u, นิชาภา

ขึ้นฉ่ายฝรั่ง หรือ เซเลอรี่ (Celery) 


มีลักษณะคล้ายขึ้นฉ่ายจีนที่เรากินกันบ่อยๆ เพียงแต่ลำต้นและใบมีขนาดใหญ่กว่ามาก และมีสีเขียวเข้มกว่าขึ้นฉ่ายปกติ

สารอาหารที่พบในขึ้นฉ่ายฝรั่งหรือเซเลอรี่ ทำให้หลายคนอยากทราบสรรพคุณของขึ้นฉ่ายฝรั่งกันแล้ว
1. ดีต่อหญิงตั้งครรภ์
เป็นแหล่งสำคัญของแคลเซียม และโฟเลต ซึ่งสารอาหารทั้งสองชนิดนี้สำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์มากๆ
2. บำรุงกระดูก 
อุดมไปด้วยแคลเซียม โดยเซเลอรี่ 100 กรัม มีแคลเซียมอยู่มากถึง 40 มิลลิกรัม สรรพคุณที่สำคัญของขึ้นฉ่ายฝรั่งจึงช่วยในการบำรุงกระดูก ช่วยบำรุงครรภ์ และยังดีต่อเด็กที่มีภาวะโรคกระดูกอ่อนอีกด้วย
3. ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต
จัดเป็นผักที่มีโพแทสเซียมสูง จึงมีประโยชน์ต่อการควบคุมความดันโลหิต ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจด้วย
4. เสริมภูมิคุ้มกัน
เป็นผักที่มีวิตามินซีอยู่พอสมควรช่วยบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง โดยวิตามินซีในผักก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิต้านทานของโรค ยิ่งกินสดๆ ได้ยิ่งดี
5. ช่วยลดน้ำหนัก
มีไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำจำนวนมาก ซึ่งเจ้าไฟเบอร์ที่ว่าจะทำให้เรารู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น ช่วยให้ไม่หิวจุบจิบ และช่วยในการขับถ่าย ที่สำคัญยังมีแคลอรีต่ำอีกต่างหาก
6. แก้ท้องผูก
ด้วยจำนวนกากใยอาหารที่มีในขึ้นฉ่ายฝรั่ง จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย และนอกจากนี้ไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำยังมีคุณสมบัติช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปดัวยดีมากขึ้นด้วย
7. ต้านอนุมูลอิสระ
ใต้ความเป็นผัก แน่นอนว่าเซเลอรี่มีพฤกษเคมี และสารต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด แต่เหตุผลที่ทำให้มีความน่าสนใจก็เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งจะทำงานได้ดีไปกับสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งวิตามินซียังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และภูมิต้านทานในร่างกาย
8. ต้านการอักเสบ
สารฟลาโวนอยด์ในขึ้นฉ่ายฝรั่งมีคุณสมบัติลดการอักเสบในช่องท้องของได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งสารฟลาโวนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระอีกหลายชนิดที่มีในเซเลอรี่ ก็ล้วนมีคุณสมบัติในการต้านอาการอักเสบที่อาจเกิดขึ้นกับเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้
9. บำรุงผิวพรรณ
เป็นผักฉ่ำน้ำที่มีปริมาณน้ำในตัวเองค่อนข้างมาก ดังนั้นหากดื่มน้ำขึ้นฉ่ายฝรั่งปั่นก็จะทำให้ร่างกายได้รับน้ำไปบำรุงเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังมีวิตามินอี วิตามินซี สารอาหารที่ดีกับการบำรุงผิวพรรณอีกด้วย
10. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
นอกจากจะมีสารอาหารเยอะแล้ว ขึ้นฉ่ายฝรั่งยังเป็นผักที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ กินแล้วไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูง และยังช่วยคงระดับน้ำตาลในเลือดให้ไม่แกว่งได้อีกด้วย

#ขึ้นฉ่ายฝรั่ง #เซเลอรี่ #Celery
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u

10 ยาสมุนไพร...แก้อาการอะไรบ้าง?

กระเพาะอาหาร, ปวดกล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้อักเสบ

10 ยาสมุนไพร...แก้อาการอะไรบ้าง?
.
.
✦ ยาขมิ้นชัน (แคปซูล เม็ด) แก้จุกเสียดแน่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ
✦ ยาระบายมะขามแขก (แคปซูล ยาชง) แก้อาการท้องผูก
✦ ยาผสมเพชรสังฆาต (แคปซูล) แก้อาการริดสีดวงทวารหนัก
✦ ยาเถาวัลย์เปรียง (แคปซูล) แก้ปวดกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
✦ ยาฟ้าทะลายโจร (แคปซูล เม็ด ลูกกลอน) แก้อาการเจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคหวัด
✦ ยาขิง (แคปซูล ยาชง) แก้อาการท้องอืด ขับลม แน่นจุกเสียด คลื่นไส้ อาเจียน จากเมารถ เมาเรือ หรือหลังผ่าตัด
✦ ยาธรณีสันฑะฆาต (แคปซูล เม็ด ยาผง ลูกกลอน) แก้กษัยเส้น
✦ ยาพญายอ (ครีม) แก้อาการของเริม และงูสวัด
✦ ยารางจืด (แคปซููล) แก้ร้อนใน ถอนพิษไข้
✦ ยาชุมเห็ดเทศ (แคปซูล ยาชง) แก้อาการท้องผูก

#10ยาสมุนไพรแก้อาการอะไรบ้าง
#สมุนไพรไทย
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u

8 สัญญาณเตือน "ลำไส้กำลังมีปัญหา"

ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, อาหารไม่ย่อย, goodbody4u, นิชาภา

1. ท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก
ปัญหาเกี่ยวกับการย่อยจะบ่งบอกว่าลำไส้ไม่สามารถย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม แพทย์อาจบอกว่าเป็นโรคลำไส้แปรปรวน โรคลำไส้รั่ว ภาวะแบคทีเรียในลำไส้เล็กมากเกินไป หรือโรคกรดไหลย้อน และจำเป็นต้องรับประทานยาทุกวัน ทว่านี่ไม่ใช่การรักษาต้นตอของอาการ เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้ลำไส้เสียหายรุนแรงได้ ดังนั้นควรรักษาให้ถึงสาเหตุที่แท้จริง
2. ลดน้ำหนักไม่ลงโดยเฉพาะรอบเอว
คำอธิบายง่ายๆ สำหรับข้อนี้คือ ลำไส้ส่งผลต่อกระบวนการเผาผลาญ เนื่องจากไม่มีเชื้อจุลชีพในการย่อยไขมัน หรือคาร์โบไฮเดรตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่ตามมาคือของเสียจะถูกกักเก็บไว้เป็นเนื้อเยื่อไขมันซึ่งปกติจะสะสมอยู่ตามรอบเอว
3. ไม่สบายบ่อย
ระบบภูมิคุ้มกันอย่างน้อยร้อยละ 70 อยู่ในลำไส้ ซึ่งหมายความว่าหากลำไส้ขาดความสมดุล ก็มีโอกาสรับเชื้อไวรัสมากขึ้น และป่วยบ่อยเนื่องจากร่างกายไม่สามารถต้านทานเชื้อโรคได้ ด้วยเหตุนี้จึงแนะนำว่าควรรักษาลำไส้ก่อนที่จะต้องรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ
4. ผิวพรรณเริ่มย่ำแย่
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย และสามารถบ่งบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน เช่น อาจสังเกตว่าเมื่อไหร่ที่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ผิวพรรณก็จะเปล่งปลั่ง แต่เมื่อใดที่ป่วยหรือรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดใบหน้าก็จะหม่นหมอง นั่นเป็นเพราะผู้ที่มีผิวพรรณดีมีแนวโน้มว่าจะมีแบคทีเรียลำไส้ดี ในทางกลับกันหากขาดความสมดุลก็จะหมายถึงการอักเสบ ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง และฮอร์โมนแปรปรวนทำให้มีโอกาสเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคภูมิแพ้ ผิวแห้ง หรือผิวมันมาก และโรคผิวหนังอักเสบ
5. เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย
หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อ ประเมินว่ามีชาวอเมริกันอย่างน้อยหนึ่งล้านคนที่ป่วยเป็นโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโรคลำไส้รั่ว ดังนั้น ต้องรักษาสุขภาพของระบบย่อยอาหารก่อน
6. เครียด อารมณ์แปรปรวน หรือซึมเศร้า
รู้หรือไม่ว่าสารเซโรโทนิน หรือสารสื่อประสาทที่ช่วยกำหนดอารมณ์ที่สำคัญของคุณร้อยละ 95 นั้น อันที่จริงอยู่ในลำไส้ไม่ใช่อยู่ในสมอง ความสัมพันธ์การอยู่ร่วมกันระหว่างสุขภาพลำไส้ กับสุขภาพประสาทจึงค่อนข้างชัดเจน
7. ความจำสับสน ความคิดไม่แจ่มใส
อาจรู้สึกว่าสมองไม่แล่นเอาเสียเลย ลืมกระทั่งคำศัพท์ง่ายๆ ลืมว่าวางโทรศัพท์ไว้ที่ไหน และแม้กระทั่งการคิดเลขในใจ สาเหตุคือ เมื่อลำไส้อักเสบ สมองก็อาจอักเสบด้วยเช่นกัน และทำให้กระบวนการรับรู้ล้มเหลว
8. มีปัญหาภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
ลำไส้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เมื่อลำไส้รั่ว แอนติบอดี้จะโจมตีอนุภาคที่หลุดออกไป ซึ่งอาจกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันมากเกินไปจนนำไปสู่ภาวะภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น ไทรอยด์ หรือต่อมหมวกไตอ่อนล้า

#8สัญญาณเตือนลำไส้กำลังมีปัญหา
#ลำไส้อักเสบ
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u

7 สมุนไพรไทยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม

โรคกระเพาะ, โรคกระเพาะอาหาร, กระเพาะอักเสบเรื้อรัง, goodbody4u, นิชาภา

1. ขมิ้นชัน
เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์ร้อน แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย ที่สำคัญขมิ้นชันยังช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
2. กระชาย
เป็นสมุนไพรที่รสเผ็ดร้อน มักนำมาปรุงอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวปลา และอาหารทะเล กระชายยังมีประโยชน์ช่วยแก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร ทำให้เจริญอาหาร และยังเป็นยาบำรุงกำลังอีก อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการลดกลิ่นปาก และยังป้องกันฟันผุได้ผลดีมาก
3. ตะไคร้
สมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยลดคลอเลสเตอรอล ลดระดับความดันในเลือด ขับลม ลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับปัสสาวะ ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ทั้งยังช่วยบำรุงไต และขับเหงื่อ
4. ขิง
นิยมนำมาปรุงเป็นอาหาร และเครื่องดื่ม สามารถช่วยขับลม ขับเหงื่อ ขับเสมหะ ลดอาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลม และกระตุ้นการทำงานของลำไส้ โดยนำขิงแก่ทุบพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว ตั้งทิ้งไว้นานประมาณ 5 นาที แล้วนำมาดื่มระหว่างมื้ออาหารจะช่วยอาการท้องอืดได้ดี
5. ข่า
มีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดการอักเสบ บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน และยังช่วยยับยั้งแผลในกระเพาะอาหาร อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา รักษาโรคผิวหนัง กลากเกลื้อนได้ดี
6. พริกไทย
มีกลิ่นหอมฉุน มีรสเผ็ดร้อน จึงช่วยขับเหงื่อ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้ท้องผูก ปวดฟัน ช่วยให้เจริญอาหาร และยังมีสารช่วยในการควบคุมการเผาผลาญในร่างกาย ทำให้กระดูกแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการเสื่อมของตับ
7. โหระพา
มีสรรพคุณขับลม ขับเหงื่อ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับเสมหะ แก้ไอ มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูกได้ดี แก้เลือดออกตามไรฟัน ช่วยให้เจริญอาหาร และยังสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อีกด้วย
#7สมุนไพรไทยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อขับลม
#สมุนไพรแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u