บอกลา...กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหาร

อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

บอกลา...กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหาร ด้วย 4 สารสกัดจากธรรมชาติ

🌿 ขมิ้นชัน (เคอคูมินอยด์) ลดการอักเสบ เร่งสมานแผล

🌿 พริกไทยดำ แก้การอักเสบของกระเพาะอาหาร และลำไส้

5 ผลเสียที่เกิดจาก "กินเร็วเกินไป"




อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

5 ผลเสียที่เกิดจาก "กินเร็วเกินไป"

1. ท้องอืด ท้องเฟ้อ
สาเหตุหลักๆ ของอาการท้องอืดมักเกิดจากอาหารที่ทานเข้าไป อาจจะด้วยอาหารบางประเภทที่ทำปฏิกิริยากับระบบย่อยอาหารของเรา แต่ก็รวมถึงพฤติกรรมในการกินอาหารของเราด้วย คนที่กินเร็วมักเลือกทานอาหารที่อิ่มง่าย อิ่มไว จึงมักเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยแป้ง น้ำตาล เนื้อสัตว์ และไขมัน นอกจากนี้ยังเคี้ยวไม่ละเอียด ซึ่งทำให้ย่อยยาก และเกิดเป็นอาการท้องอืดท้องเฟ้อได้ในภายหลัง

2. อ้วน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าคนที่กินเร็ว จะเสี่ยงอ้วนได้มากกว่าคนที่กินข้าวด้วยความเร็วปกติ หรือกินข้าวช้า โดยมากกว่า 70% ของคนอ้วน หรือคนที่กำลังจะเข้าสู่ภาวะอ้วนมีนิสัยกินเร็ว เพราะส่วนใหญ่คนที่กินเร็วมักเป็นคนที่เคี้ยวไม่ค่อยละเอียด และกลืนลงท้องอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้อาหารตกถึงกระเพาะอาหารก็รีบๆ ยัดลงท้องให้หมดๆ ไป จนบางครั้งเราอาจจะลงเอยด้วยการกินมากกว่าปกติ เพราะกินหมดแล้วยังไม่อิ่ม จึงสั่งอาหารเพิ่มเพื่อกินให้อิ่มมากขึ้น

3. โรคเบาหวาน
การกินเร็วโดยเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน คนที่กินเร็วจะมีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน มากกว่าคนที่กินด้วยความเร็วตามปกติถึง 2.5 เท่าเลยทีเดียว

4. โรคกระเพาะอาหาร กรดไหลย้อน
คนที่กินเร็วมักเคี้ยวไม่ละเอียด เมื่อชิ้นอาหารถูกลำเลียงไปที่กระเพาะอาหารด้วยชิ้นขนาดใหญ่เกินไป กระเพาะอาหารจึงหลั่งน้ำย่อยออกมาเพิ่มขึ้น และมีความเข้มข้นของกรดสูงขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร และกรดไหลย้อนได้ในอนาคต นอกจากนี้หากปล่อยให้อาการหนักขึ้น อาจเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

5. โรคอาหารเป็นพิษ
เรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องคือ 5-10% ของอาหารที่เป็นพิษสามารถบ่งบอกได้จากรูป รส และกลิ่นของอาหาร แต่คนที่กินเร็วจะรับรู้รส และกลิ่นของอาหารได้น้อยกว่าคนปกติ (เพราะรีบทาน) ดังนั้นเมื่อความสามารถในการรับรู้รูป รส และกลิ่นน้อยลง ก็อาจเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษมากขึ้นด้วย

#5ผลเสียที่เกิดจากกินเร็วเกินไป
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน

ดูแลสุขภาพ ด้วยอาหาร 7 สี

อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

ดูแลสุขภาพ ด้วยอาหาร 7 สี

1.สีแดง หมายถึง
ระบบที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ไม่ว่าจะเป็น มดลูก รังไข่ และต่อมลูกหมากสามารถพบได้ในผลไม้ เช่น มะเขือเทศ บีทรูท แตงโม พริก

2.สีส้ม
เกี่ยวข้องกับท้องน้อย ลำไส้ และกระเพาะปัสสาวะ พบได้ใน แครอท ส้ม มะละกอสุก

3.สีเหลือง 
เกี่ยวข้องกับตับและกระเพาะอาหาร พบใน กล้วย ข้าวโพด ฟักทอง มะม่วง

4.สีเขียว
เกี่ยวข้องกับหน้าอก และหัวใจพบในผักใบเขียว และผลไม้ทั่วไป

5.สีฟ้า
เกี่ยวข้อง กับลำคอ สามารถทดแทนได้ด้วยอาหารทะเล

6.สีน้ำเงิน
เกี่ยวข้องกับใบหน้า พบได้ในอัญชัน

7.สีม่วง
เกี่ยวข้องกับระบบสมอง พบในมะเขือม่วง กะหล่ำม่วง มันสีม่วง เบอรี่ชนิดต่าง เป็นต้น

#ดูแลสุขภาพด้วยอาหาร7สี
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u


อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

7 ประโยชน์ของ "กระเจี๊ยบเขียว"


1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก

2. ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น และยังมีใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย

3. ลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย

4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้

5. ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว การทานกระเจี๊ยบเขียวพร้อมเมือกเหนียวๆ ใสๆ จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย

6. ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อนๆ สามารถแก้อาการกรดไหลย้อนได้

7. มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นจึงเหมาะกับหญิงมีครรภ์

#7ประโยชน์ของกระเจี๊ยบเขียว
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u

กรดไหลย้อน โรคกระเพาะอาหาร ขมิ้นชันช่วยได้

อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา
ยามัวแต่กินยาลดกรดอยู่เลย

ขมิ้นชันสกัด...ช่วยจบทุกปัญหา เด็ดขาดทุกอาการ

Green Curmin 1กล่อง 30เม็ด 950 บาท 
Curma Max 1กล่องมี 6 ขวด 540 บาท

สั่งซื้อโทร: 062-3264622
Id Line : @goodbody
แอดไลน์ : https://line.me/R/ti/p/%40goodbody

10 ประโยชน์ดีๆ ของ "ผักชี"



อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

10 ประโยชน์ดีๆ ของ "ผักชี"


1. ช่วย
ลดน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก

2. ป้องกันโรคหวัด

3. แก้อาการกระหายน้ำ

4. ต่อต้านเชื้อโรคต่างๆ ในลำไส้

5. ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร

6. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง

7. เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยให้ขับถ่ายคล่องมากยิ่งขึ้น

8. แก้อาการวิงเวียนศีรษะ

9. บำรุงสายตา

8 ท่านอนบรรเทาอาการป่วย

อาหารไม่ย่อย, กระเพาะอักเสบ ,ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ,ท้องอืด, goodbody4u, นิชาภา

8 ท่านอนบรรเทาอาการป่วย

1. กรดไหลย้อน  นอนตะแคงซ้าย แขนยื่นไปด้านหน้า และงอเข่าขึ้นมาทางด้านส่วนบนของร่างกายเล็กน้อย

การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้แรงดันบริเวณที่ต่ำกว่ากล้ามเนื้อบริเวณหูรูดหลอดอาหารลดลง เมื่อแรงดันลดลง กรดในกระเพาะอาหารที่จะไหลย้อนขึ้นมาสร้างความระคายเคืองบริเวณหลอดอาหารก็จะลดลง แต่หากมีอาการแสบร้อนกลางหน้าอกมาก ควรเปลี่ยนเป็นท่านอนหงายแล้วใช้หมอนรองบริเวณใต้หน้าอกและศีรษะโดยต้องให้สูงกว่าลำตัวไม่เกิน 6 นิ้ว จะช่วยทำให้หลับสบายมากขึ้น

2. ปวดไซนัส  นอนตะแคง หนุนหมอนสูง และควรงอตัวและปล่อยขาตามสบาย

อาการไซนัสอักเสบ หรืออาการไข้หวัดธรรมดา เป็นท่าที่ไม่ควรนอนหงายอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะเกิดอาการสำลักในขณะนอนหลับและเป็นอันตรายได้

3. ปวดประจำเดือน  นอนหงาย หนุนหมอนใต้เข่า

ช่วงมีประจำเดือนผู้หญิงหลายท่านมักมีอาการปวดท้อง การนอนหงาย เป็นท่าที่ดีที่สุด เพราะส่วนต่างๆ ของร่างกายจะอยู่ในท่าทางที่สบายที่สุด และการหนุนหมอนใต้เข่า เป็นการช่วยไม่ให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะโค้งมากเกินไป เพราะจะส่งผลให้ปวดมากขึ้น แต่ไม่ควรนอนตะแคง เพราะจะทำให้น้ำหนักลงไปทับที่ข้างใดข้างหนึ่งและทำให้อาการปวดรุนแรงมากขึ้น

4. ปวดฟัน  นอนหงาย และหงายหน้าขึ้น

เมื่อมีอาการปวดฟัน การนอนหงายจะช่วยทำให้ขากรรไกรของคุณผ่อนคลาย ลดอาการปวดได้ หากมีอาการนอนกัดฟันด้วย ควรนอนหงายและหงายศีรษะขึ้น จะช่วยลดอาการนอนกัดฟันได้ การนอนกัดฟัน หรือการเคี้ยวฟันขณะหลับ เป็นพฤติกรรมการนอนหลับที่ผิดปกติและมีความเชื่อมโยงกับความเครียด ความวิตกกังวลและการนอนหลับที่ผิดปกติ ทำให้เกิดอาการปวดฟันและขากรรไกรได้

5. นอนกรนหรือมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ  นอนตะแคงหรือนอนคว่ำ

คนที่นอนกรน ไม่ควรนอนหงาย เพราะจะยิ่งทำให้กรนได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดภาวะการหยุดหายใจขณะที่หลับได้ด้วย ดังนั้นคนนอนกรนควรนอนในท่าตะแคงหรือนอนคว่ำ เพราะจะช่วยทำให้ไม่เกิดการปิดกั้นหลอดลมลดอาการนอนกรนได้

6. ปวดหลัง  นอนตะแคง หนุนหมอนที่ขา

คนที่มีอาการปวดหลัง ควรนอนตะแคงและงอเข่าเล็กน้อยและควรหนุนหมอนที่ระหว่างขา 2 ข้าง เพื่อให้สะโพกอยู่ในท่าที่ปกติ ลดอาการปวดหลัง ทำให้นอนหลับสนิท การนอนผิดท่าจะทำให้กระดูกสันหลังอยู่ในลักษณะที่ผิดปกติ อาจทำให้อาการปวดหลังหนักขึ้น

7. ปวดไหล่  นอนตะแคงในท่ากอด

การนอนตะแคงสามารถบรรเทาอาการปวดไหล่ที่มักเกิดจากการถือหรือสะพายกระเป๋าที่หนักจนเกินไป โดยเลี่ยงการนอนตะแคงไหล่ข้างที่ปวดเพราะจะยิ่งทำให้ปวดมากขึ้น และงอขาเล็กน้อย ยื่นแขนออกไปทางด้านหน้าและกอดหมอนเอาไว้ ท่านี้จะช่วยทำให้ไหล่และแขนอยู่ในท่าทางที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด และเพื่อป้องกันการปวดหลัง ควรนำหมอนรองไว้ระหว่างขาด้วย

8. ปวดคอ  นอนตะแคง

ผู้ที่มีอาการปวดคอ ควรนอนตะแคง และหนุนหมอนให้มีลักษณะพอดีกับไหล่ จะช่วยลดอาการปวดบริเวณคอ หากหนุนหมอนที่ต่ำกว่าไหล่จะทำให้ปวดคอมากขึ้น และไม่ควรนอนคว่ำ เพราะการนอนคว่ำต้องเอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้อาการปวดมากขึ้นกว่าเดิม

#8ท่านอนบรรเทาอาการป่วย
#สุขภาพดีทำอะไรก็ดี
#สุขภาพแย่ทำอะไรก็แย่
#goodbody4uส่งมอบสุขภาพดีให้คุณถึงบ้าน
#goodbody4u